วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561

ตัวอย่างการจัดการเรียนรู้ KWLH


ตัวอย่างการจัดการเรียนรู้ KWLH


        Know
 What to learn
What they as they read
How we canlearned more
เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง
มีผลดิบเป็นสีเขียว
มีผลสุกเป็นสีส้มถึงเหลือง
นำมาแปรรูปได้
มีกี่สายพันธ์
ในประเทศและต่างประเทศ มีปลูกหรือไม่
มีประโยชน์อะไร
มีสายพันธ์อยู่ 6 สายพันธ์
มีต้นกำเนิดอยู่อเมริกานำเข้าสู่ประเทศไทยในสมัยอยุธยา
สามารถนำมาปรุงอาหารได้ เช่น ส้มตำ
จากการวิจันพันธุ์พืช
แปลงผักสาธิต
ห้องสมุด
สืบค้นทางอินเทอร์เน็ต
การเกษตรแต่ละ อำเภอ หรือจังหวัด

เทคนิคการใช้ผังกราฟิก เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากการจัดโครงสร้างความคิดล่วงหน้าตามทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย (meaningful learning theory) ของเดวิด อูซูเบล (David P. Ausubel) นักจิตวิทยาอเมริกัน ที่เสนอการจัดโครงสร้างความคิด หรือโครงสร้างภาพรวมล่วงหน้า (presenting first) เพื่อใช้สำหรับอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาจากตำรา หลังจากนั้นมีแผนภาพแบบต่างๆเกิดขึ้นมากกว่า 20 ชนิด รวมทั้งโครงสร้างภาพรวมที่นำมาใช้ทำความเข้าใจบทความที่มีความยาวมากๆ โดยนำเสนอข้อมูลในรูปไดอะแกรม และรูปภาพต่างๆ
ทฤษฎีของอูซูเบลเป็นทฤษฎีที่หาหลักการอธิบายการเรียนรู้ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้ที่ปรากฏในหนังสือที่โรงเรียนใช้กับความรู้เดิมที่อยู่ในสมองของผู้เรียนในโครงสร้างสติปัญญา(cognitive structure) หรือการสอนโดยวิธีการให้ข้อมูลข่าวสาร เขาเรียกทฤษฏีนี้ว่า “ทฤษฏีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย( meaningful verbal learning)” โดยนิยามว่า “เป็นการเรียนที่ผู้เรียนได้รับมาจากการที่ผู้สอน อธิบายสิ่งที่จะต้องเรียนรู้ให้ทราบและผู้เรียนรับฟังด้วยความเข้าใจ โดยผู้เรียนเห็นความสัมพันธ์ของสิ่งที่เรียนรู้กับโครงสร้างภาพรวมที่ได้เก็บไว้ในความทรงจำ และจะสามารถนำมาใช้ในอนาคต
อูซูเบลมองว่าในสมองของมนุษย์มีการจัดความรู้ต่างๆ ที่ได้เรียนรู้อย่างมีระบบ  “โครงสร้างทางปัญญา” ซึ่งมีการจัดลำดับความสัมพันธ์เชื่อมโยงจากความคิดรวบยอด (concept) ที่กว้างและครอบคลุมลงมาจนถึงความคิดรวบยอดย่อยๆ ที่มีความเฉพาะเจาะจง ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงควรจะต้องเป็นการเรียนรู้อย่างมีความหมายที่ผู้เรียนสามารถนำการเรียนรู้ใหม่เข้าไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือความคิดรวบยอดที่มีอยู่แล้ว โดยความรู้ใหม่ที่ได้เรียนรู้อย่างมีความหมายจะถูกเก็บไว้ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง อันเป็นผลจากการดูดซึมกับความรู้เดิมที่มีอยู่และจะช่วยขยายความรู้เดิมหรือมโนทัศน์เดิมที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ถ้าในการเรียนรู้สิ่งใหม่นั้นผู้เรียนมีพื้นฐานที่เชื่อมโยงเข้ากับความรู้เดิมได้ ซึ่งจะทำให้การเรียนรู้สิ่งใหม่นั้นมีความหมาย ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ได้จากการรับข้อมูลข่าวสารหรือเกิดจากการค้นพบด้วยตนเอง และวิธีเรียนนั้นอาจจะเป็นการเรียนรู้อย่างเข้าใจและมีความหมาย หรือการเรียนรู้แบบท่องจำโดยไม่ใช้ความคิด ซึ่ง อูซูเบล แบ่งการเรียนรู้เป็น ๔ ประเภทคือ การเรียนรู้ด้วยการรับอย่างมีความหมาย (meaning reception learning), การเรียนรู้ด้วยการท่องจำโดยไม่ใช้ความคิด (rote reception learning), การเรียนรู้ด้วยการค้นพบอย่างมีความหมาย (meaningful discovery learning) และการเรียนรู้ด้วยการค้นพบแบบท่องจำโดยไม่ใช้ความคิด (rote discovery learning)
อูซูเบลยังได้เสนอแนะเกี่ยวกับเทคนิค “การจัดการล่วงหน้า (advance organizer)” หรือก็คือการ “แนะนำรายวิชาก่อนเรียน” นั่นเอง ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมายจากการสอนหรือบรรยายของครู โดยการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างความรู้ที่มีมาก่อนกับข้อมูลใหม่ หรือความคิดรวบยอดใหม่ ที่จะต้องเรียน จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมายที่ไม่ต้องท่องจำ หลักการทั่วไปที่นำมาใช้ คือ
1.      การจัด เรียบเรียง ข้อมูลข่าวสารที่ต้องการให้เรียนรู้ ออกเป็นหมวด
2.     นำเสนอกรอบ หลักการกว้างๆ ก่อนที่จะให้เรียนรู้ในเรื่องใหม่
3.     แบ่งบทเรียนเป็นหัวข้อที่สำคัญ และบอกให้ทราบเกี่ยวกับหัวข้อสำคัญที่เป็นความคิดรวบยอดใหม่ที่จะต้องเรียน
อูซูเบลมองว่า การจัดการล่วงหน้านี้มีความสำคัญมากเพราะเป็นวิธีการสร้างการเชื่อมช่องว่างระหว่างความรู้ที่ผู้เรียนได้รู้แล้ว (ความรู้เดิม) กับความรู้ใหม่ที่ได้รับ ผู้สอนควรจะใช้เทคนิค การจัดการล่วงหน้า ช่วยผู้เรียนในการเรียนรู้ทั้งประเภทการรับอย่างมีความหมายและการค้นพบอย่างมีความหมาย เนื่องด้วยทฤษฏีของเขาเน้นความสำคัญของการเรียนรู้อย่างมีความเข้าใจและมีความหมาย การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนได้เรียนรวมหรือเชื่อมโยง (subsume) สิ่งที่เรียนรู้ใหม่หรือข้อมูลใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นความคิดรวบยอด(concept) หรือความรู้ที่ได้รับใหม่ในโครงสร้างสติปัญญากับความรู้เดิมที่อยู่ในสมองของผู้เรียนอยู่แล้ว ทฤษฎีของอูซูเบลบางครั้งจึงเรียกว่า “ทฤษฏีเชื่อมโยงความรู้ (subsumption theory)”
         ทฤษฏีของอูซูเบลถูกพัฒนาจนกลายเป็นสื่อทางการเรียนการสอนที่เรียกว่า “โครงสร้างภาพรวม (presenting first orstructure overview)” ต่อมาได้รับความนิยมเรียกเป็น “ผังกราฟิก (graphic organizer)” หรือ GO ซึ่งได้รับความนิยมในการใช้เป็นเครื่องมือจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ โจเซฟ โนวัค (Joseph Donald Novak) ได้พัฒนารูปแบบจนกลายเป็น “ผังความคิดรวบยอด (concept mapping)” ซึ่งทำให้การเรียนการสอนด้วยผังกราฟิกได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งในแวดวงการศึกษาในปัจจุบันผังกราฟิกจึงคือ เครื่องมือช่วยแสดงความคิดให้ออกมาเป็นรูปธรรมในลักษณะของภาพ โดยสื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันของเนื้อหาหรือข้อมูลที่ได้รับ ซึ่งผังกราฟิกมีหลายรูปแบบ ผู้ใช้สามารถเลือกใช้หรือสร้างขึ้นเองได้ตามความสะดวกและเหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาจากการสร้างผังกราฟิกขึ้นมาช่วยในการคิดในเรื่องต่างๆ เช่นโทนี บูซาน (Tony Buzan), โจเซฟ โนวัค (Joseph D. Novak) เป็นต้น
                ผังกราฟิก  เป็นเครื่องมือหรือแผนภาพที่ได้จากการนำข้อมูลดิบ หรือจากแหล่งต่างๆ มาทำการจัดกระทำข้อมูลและนำเสนอข้อมูล  โดยอาศัยทักษะการคิดต่างๆ ในการจัดกระทำข้อมูล  ได้แก่  การคิดวิเคราะห์  การสังเกต  เปรียบเทียบ  จัดเรียงลำดับ  จัดประเภท  และการใช้ตัวเลข  เพื่อให้เกิดความจำ และความเข้าใจในเนื้อหา
                ผังกราฟิกที่นิยมใช้โดยทั่วไปมีอยู่จำนวนมาก  ในที่นี้ได้เสนอผังกราฟิกโดยแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการนำเสนอข้อมูลดังนี้
1)   ผังกราฟิกที่มีวัตถุประสงค์ของการนำเสนอข้อมูลที่เป็นมโนทัศน์ มีดังนี้
                        1.1)   ผังความคิด  เป็นผังกราฟิกที่แสดงความสัมพันธ์ของสาระ หรือความคิดต่างๆ ให้เห็นเป็นโครงสร้างในภาพรวม  โดยใช้ตำแหน่ง ระยะห่างจากจุดศูนย์กลาง สี เครื่องหมาย รูปทรงเรขาคณิต  และภาพแสดงความหมายและเชื่อมโยงของความคิดหรือสาระนั้นๆ
                           1.2)  ผังมโนทัศน์  เป็นผังกราฟิกที่แสดงมโนทัศน์หรือความคิดรวบยอดใหญ่ไว้ตรงกลางและแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์และมโนทัศน์ย่อยๆ เป็นลำดับขั้น ด้วยเส้นเชื่อมโยง

                2)   ผังกราฟิกที่มีวัตถุประสงค์ของการนำเสนอข้อมูลที่เป็นการเปรียบเทียบ  มีดังนี้
                        2.1)  เวนน์ไดอะแกรม  เป็นผังกราฟิกที่เป็นผังวงกลม 2 วง หรือมากกว่า  ที่มีส่วนหนึ่งซ้อนกันอยู่  เป็นผังกราฟิกที่เหมาะสำหรับการนำเสนอสิ่ง 2 สิ่ง  ซึ่งมีความเหมือนและความแตกต่าง
                        2.2)  ทีชาร์ต  เป็นผังกราฟิกที่แสดงความแตกต่างของสิ่งที่ศึกษา
                         2.3)  แผนภูมิกง  เป็นแผนผังกราฟิกที่แสดงการเปรียบเทียบข้อมูล  โดยเป็นการแสดงสัดส่วนของข้อมูล
                        2.4)  แผนภูมิแท่ง  เป็นผังกราฟิกทีแสดงให้เห็นและเข้าใจความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ ได้ชัดเจน  เป็นการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว  โดยตัวแปรนั้นมีค่าไม่ต่อเนื่อง
                        2.5)  ตารางเปรียบเทียบ  เป็นผังกราฟิกที่เสนอข้อมูลในรูปแบบตารางช่วยให้เข้าใจได้ง่าย  เพราะจัดข้อมูลไว้เป็นหมวดหมู่  ซึ่งข้อมูลที่เสนอนั้นอาจเป็นการเปรียบเทียบความเหมือนกันหรือต่างกันของข้อมูล
                3)   ผังกราฟิกที่มีวัตถุประสงค์ของการนำเสนอข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผล  มีดังนี้
                        3.1)  ผังก้างปลา  เป็นผังกราฟิกที่นำเสนอข้อมูลให้เป็นถึงสามเหตุและผลของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
                         3.2)  ผังใยแมงมุม  เป็นผังกราฟิกที่ใช้แสดงมโนทัศน์แบบหนึ่ง  โดยแสดงความคิดรวบยอดใหญ่ไว้ตรงกลาง  และเส้นที่แยกออกจากความคิดรวบยอดใหญ่จะแสดงรายละเอียดของความคิดนั้น
                 4)   ผังกราฟิกที่มีวัตถุประสงค์ของการนำเสนอข้อมูลที่เป็นการเรียงลำดับเหตุการณ์ หรือ ขั้นตอนมีดังนี้
                        4.1)  ผังเรียงลำดับ  ใช้แสดงลำดับขั้นตอนของสิ่งต่างๆ หรือกระบวนการต่างๆ
                         4.2)  ผังวัฎจักร  เป็นผังกราฟิกที่แสดงลำดับขั้นตอนที่ต่อเนื่องกันเป็นวงกลม หรือเป็นวัฎจักรที่ไม่แสดงจุดสิ้นสุดหรือจุดเริ่มต้นที่แน่นอน
                         4.3)  ผังเสนอปัญหาและการแก้ปัญหา  เป็นการแสดงให้เห็นถึงการแยกแยะปัญหาและพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาและผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลากหลาย
                 5)   ผังกราฟิกที่มีวัตถุประสงค์ของการนำเสนอข้อมูลที่เป็นการจัดหมวดหมู่และการแบ่งประเภท  มีดังนี้
                        5.1)  ผังการจำแนกประเภทของข้อมูล  เป็นผังกราฟิกที่ใช้แสดงการจัดข้อมูลต่างๆ  ที่ต้องการศึกษาออกเป็นหมวดหมู่  โดยจัดสิ่งที่มีสมบัติบางประการร่วมกันให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน  ในการจำแนกประเภทของสิ่งที่ศึกษานั้นต้องมีเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกเสมอ

เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ


4. เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
        4.1 เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตัวเอง
                การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้เรียนรู้ โดยพยายามจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคล สื่อ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และผู้เรียนมีโอกาสนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อื่น
        4.2เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำงานร่วมกับคนอื่น
                ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของผู้สอนอีกประการหนึ่ง คือ ผู้สอนเข้าใจว่าการจัดการเรียนการสอนแบบนี้ต้องจัดโต๊ะเก้าอี้ให้ผู้เรียนได้นั่งรวมกลุ่มกัน โดยไม่เข้าใจว่าการนั่งรวมกลุ่มนั้นทำเพื่ออะไร ความเข้าใจที่ถูกต้องคือ เมื่อผู้เรียนจะต้องทำงานร่วมกัน จึงจัดเก้าอี้ให้นั่งรวมกันเป็นกลุ่ม ไม่ใช่นั่งรวมกลุ่มกันแต่ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง การจัดให้ผู้เรียนทำงานร่วมกัน ผู้สอนจะต้องกำกับดูแลให้สมาชิกในกลุ่มทุกคนมีบทบาทในการทำงาน ซึ่งรูปแบบการจัดการเรียนการสอนประเภทหนึ่งที่ผู้สอนควรศึกษาเป็นแนวทางนำไปใช้เป็นเทคนิคในการจัดกิจกรรม คือ รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนเรียนรู้ร่วมกัน (Cooperative Learning)  วิทยากร เชียงกูล (2549) ได้กล่าวถึงลักษณะการจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียน เรียนรู้ร่วมกัน เป็นการจัดการเรียนการสอนที่แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละ 4 - 5 คน โดยสมาชิกในกลุ่มมีระดับความสามารถแตกต่างกัน สมาชิกทุกคนมีบทบาทหน้าที่ร่วมกันในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย มีเป้าหมายและมีโอกาสได้รับรางวัลของความสำเร็จร่วมกัน วิธีการแบบนี้ผู้เรียนจะมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในเชิงบวก มาปฏิสัมพันธ์แบบเผชิญหน้ากัน ได้มีโอกาสรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายจากกลุ่ม ได้พัฒนาทักษะทางสังคมและได้ใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานเพื่อสร้างความรู้ให้กับตนเอง
        4.3 เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
               ตามความหมายของการเรียนรู้ที่แท้จริง คือ ผู้เรียนต้องมีโอกาสนำความรู้ที่เรียนรู้มาไปใช้ในการดำเนินชีวิต สิ่งที่เรียนรู้กับชีวิตจริงจึงต้องเป็นเรื่องเดียวกัน ผู้สอนสามารถจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนประยุกต์ใช้ความรู้ได้โดยสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนต้องแก้ปัญหาและนำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ หรือให้ผู้เรียนแสดงความรู้นั้นออกมาในลักษณะต่าง ๆ เช่น ให้วาดภาพแสดงรายละเอียดที่เรียนรู้จากการอ่านบทประพันธ์ในวิชาวรรณคดี เมื่อผู้สอนได้สอนให้เข้าใจโดยการตีความและแปลความแล้ว หรือในวิชาที่มีเนื้อหาของการปฏิบัติ เมื่อผ่านกิจกรรม การเรียนรู้แล้วผู้สอนควรให้ผู้เรียนได้ฝึกให้ทำงาน ปฏิบัติซ้ำอีกครั้งเพื่อให้เกิดความชำนาญในการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ไปประยุกต์ใช้นี้ ผู้สอนควรจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนแสดงความสามารถในลักษณะต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบสนองความสามารถเฉพาะที่ผู้เรียนแต่ละคนมีแตกต่างกัน นอกจากการใช้เทคนิคการออกคำสั่งให้ผู้เรียนแสดงการทำงานในลักษณะต่าง ๆ แล้ว ผู้สอนอาจใช้วิธีการสอนบางวิธีที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความรู้ในสถานการณ์อื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น วิธีสอนโดยให้จัดนิทรรศการ และการสอนโดยใช้โครงงาน โดยผู้สอนเป็นผู้กำกับควบคุมให้ผู้เรียนทุกคนได้ร่วมกันวางแผน ดำเนินการตามแผน และร่วมกันสรุปผลงาน ผู้เรียนแต่ละคนจะได้เลือกและแสดงความสามารถที่ตนเองถนัด เพื่อให้งานบรรลุเป้าหมาย

5. ประเภทของการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

        การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือการสอนแบบเน้นกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นหลัก และการสอนแบบเน้นสื่อ
        5.1 การสอนแบบเน้นกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นหลัก การสอนแบบนี้ได้แก่
                1. การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem Base Learning)
                        เป็นการจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนระบุปัญหาที่ต้องการเรียนรู้ ผู้เรียนจะคิด วิเคราะห์ปัญหา ตั้งสมมุติฐาน อันเป็นที่มาของปัญหา และหาทางทดสอบสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ผู้เรียนจะต้องมีความรู้พื้นฐานที่จะเรียนรู้เนื้อหาต่าง ๆ มาก่อน เพื่อจะสามารถเรียนรู้เนื้อหาใหม่ โดยกระบวนการใช้ปัญหาเป็นหลักได้ หากพื้นความรู้เดิมของผู้เรียนไม่เพียงพอ จะต้องค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองในการดำเนินการสอน ผู้สอนจะต้องนำปัญหาที่เป็นความจริงมาเขียนเป็นกรณีศึกษาหรือสถานการณ์ในผู้เรียน
                         กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก มีลักษณะที่สำคัญ คือผู้เรียนจะได้เรียนด้วยกันเป็นกลุ่มๆ ประมาณ 6–8 คน มีการอภิปรายและค้นคว้าหาความรู้ด้วยกัน มีการเรียนรู้ด้วยตนเองเนื้อหาสาระที่กำหนดให้ผู้เรียนเรียนรู้นั้น จะเป็นเนื้อหาที่เกิดจากการบูรณาการเนื้อหาต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ในเนื้อหาที่กำหนดนั้นอย่างชัดเจน
                2. การสอนแบบนิรมิตวิทยา (Constructivism)
                        เป็นการจัดการเรียนการสอน ที่เน้นให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ใหม่ของตนเองโดยมีการเชื่อมโยงความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นกับความรู้เดิมที่ผู้เรียนมีอยู่แล้ว การสร้างองค์ความรู้ใหม่ของผู้เรียนอาจได้จากการดำเนินกิจกรรมการสอนที่ให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้า ทดลอง ระดมสมองศึกษาในความรู้ ฯลฯ การตรวจสอบองค์ความรู้ใหม่ ทำให้ได้ทั้งการตรวจสอบกันเองในระหว่างกลุ่มผู้เรียนผู้สอนจะเป็นผู้ที่ช่วยเหลือให้ผู้เรียนได้ตรวจสอบความรู้ใหม่ให้ถูกต้อง
                3. การสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอด (Concept Attainment)
                        เป็นการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งให้ผู้เรียนทราบถึงคุณลักษณะของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง โดยสามารถระบุลักษณะเด่น ลักษณะรอง ของสิ่งนั้น ๆ ได้ สามารถนำความรู้ที่เกิดขึ้นไปใช้ในสถานการณ์อื่น ๆ ได้
                 4. การสอนแบบร่วมมือประสานใจ (Cooperative Learning)
                         เป็นการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งให้ผู้เรียนร่วมมือกันทำงานช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีส่วนร่วมในการดำเนินงาน และประสานงานกัน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องที่เรียนลักษณะของการจัดการเรียนการสอน
                 5. การสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking)
                        เป็นการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถ ในการใช้ความคิดพิจารณา ตัดสินเรื่องราว ปัญหา ข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ และมีเหตุผล ผู้สอนจะเป็นผู้นำเสนอปัญหา และดูแล ให้คำแนะนำในการทำกิจกรรมของผู้เรียน กิจกรรมการสอนจะเริ่มจากปัญหาที่สอดคล้องกับวุฒิภาวะ และประสบการณ์ของผู้เรียน ซึ่ง ยั่วยุผู้เรียนให้อยากศึกษา ผู้เรียนจะรู้สึกว่าไม่มีคำตอบหรือคำตอบมี แต่ไม่เพียงพอ ผู้เรียนต้องมีการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ และใช้กระบวนการคิดอย่างหลากหลาย รวมทั้งวิเคราะห์ ไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล และเป็นลำดับขั้นตอน เพื่อนำไปสู่การตัดสินเพื่อเลือกคำตอบที่เหมาะสมที่สุดกับปัญหาที่นำมาใช้ในบทเรียน
        5.2 การเรียนการสอนแบบเน้นสื่อ
                การเรียนการสอนแบบเน้นสื่อ เป็นประเภทของการสอนในลักษณะใช้สื่อเป็นหลัก เช่นการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป การสอนแบบศูนย์การเรียนการสอนโดยใช้โปรแกรม CAI หรือ ELearning  เป็นต้น

6. การวัดและประเมินผลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

        การประเมินผลเป็นกระบวนการสำคัญที่มีส่วนเสริมสร้างความสำเร็จให้กับผู้เรียน และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอน การประเมินผลจำเป็นต้องมีลักษณะที่สอดคล้องกันแต่ในการจัดการศึกษาที่ผ่านมากลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ดูเหมือนการสอนกับการประเมินผลเป็นคนละส่วน แยกจากกัน การประเมินผลน่าจะเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้สอนได้ข้อมูลที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้เรียน แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือตัดสินหรือตีตราความโง่ความฉลาด สร้างความกดดันและเป็นทุกข์ให้กับผู้เรียน ความสำเร็จหรือล้มเหลวของการเรียนรู้ถูกตัดสินในครั้งสุดท้ายของกระบวนการเรียนการสอน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับผลงานความสำเร็จหรือพัฒนาการที่มีขึ้นในระหว่างกระบวนการเรียนรู้ และนอกเหนือจากนั้น กระบวนการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ในบางครั้งก็ไม่ได้กระทำอย่างสอดคล้องกับพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ต้องการวัดจริงเพราะผู้สอนมักจะเคยชินกับการใช้เครื่องมือวัดเพียงอย่างเดียว คือ การใช้แบบทดสอบ ซึ่งมีข้อจำกัดในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ทางด้านจิตพิสัยและทักษะพิสัยดังนั้น เมื่อมีการปฏิรูปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญแล้วก็มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปกระบวนการวัดและประเมินผลใหม่ด้วยให้สอดคล้องกัน ซึ่งผู้รู้ในวงการศึกษาได้ยอมรับกันว่า แนวคิดในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่เหมาะสม คือ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนตามสภาพจริง
        6.1 การวัดและประเมินผลผู้เรียนตามสภาพจริง
               การวัดและประเมินผลเป็นส่วนสำคัญของการจัดการเรียนการสอน ดังนั้น เมื่อการจัดการเรียนการสอนตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2545 มุ่งให้ผู้เรียนแต่ละคนได้พัฒนาเต็มศักยภาพ การวัดและประเมินผลจึงต้องปรับเปลี่ยนไป ให้มีลักษณะเป็นการประเมินผลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และประเมินผลตามสภาพจริงด้วยประเมินตามสภาพจริงของผู้เรียน มีลักษณะสำคัญดังนี้
                1. เน้นการประเมินที่ดำเนินการไปพร้อม ๆ กับการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน ซึ่งสามาร5ทำได้ตลอดเวลา ทุกสภาพการณ์
                2. เน้นการประเมินที่ยึดพฤติกรรมการแสดงออกของผู้เรียนจริง ๆ              
                3. เน้นการพัฒนาจุดเด่นของผู้เรียน
                4. ใช้ข้อมูลที่หลากหลาย ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายและสอดคล้องกับวิธีการประเมินตลอดจนจุดประสงค์ในการประเมิน
                5. เน้นคุณภาพผลงานของผู้เรียนที่เกิดจากการบูรณาการความรู้ ความสามารถหลาย ๆ ด้าน
                6. การประเมินด้านความคิด เน้นความคิดเชิงวิเคราะห์ สังเคราะห์
                7. เน้นให้ผู้เรียนประเมินตนเอง และการมีส่วนร่วมในการประเมินของผู้เรียนผู้ปกครองและผู้สอน

        6.2 วิธีการและเครื่องมือการวัดและประเมินผลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
                การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง เป็นการประเมินการแสดงออกของผู้เรียนรอบด้านตลอดเวลา ใช้ข้อมูลและวิธีการหลากหลาย ด้วยวิธีการและเครื่องมือ ดังนี้
                1. ศึกษาวัตถุประสงค์ของการประเมิน เป็นการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนรอบด้าน  ดังนั้น จึงใช้วิธีการที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ เช่น การสังเกต สัมภาษณ์ การตรวจผลงานการทดสอบบันทึกจากผู้เกี่ยวข้อง การรายงานตนเองของผู้เรียน แฟ้มสะสมงานเป็นต้น
                2. กำหนดเครื่องมือในการประเมิน เมื่อกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน ให้เป็นการประเมินพัฒนาการของผู้เรียนรอบด้านตามสภาพจริงแล้ว ในการกำหนดเครื่องมือจึงเป็นเครื่องมือที่หลากหลาย
        6.3 การนำแนวคิดการประเมินผลผู้เรียนตามสภาพจริงไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
                การนำแนวคิดการประเมินผลผู้เรียนตามสภาพจริงไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน มีแนวปฏิบัติ ดังนี้
                1. ก่อนนำไปใช้ ผู้สอนต้องเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการประเมินตามสภาพจริง ที่สำคัญที่สุด คือ การศึกษาด้วยตนเองและลงมือปฏิบัติจริง พัฒนาความรู้จากการลงมือปฏิบัติ
                2. การแนะนำให้ผู้เรียนจัดทำแฟ้มสะสมงาน แฟ้มสะสมงานของผู้เรียนนอกจากจะแสดงพัฒนาการของผู้เรียนแล้ว ยังเป็นการสะท้อนการสอนของผู้สอน เพื่อจะนำไปปรับปรุงการเรียนการสอนต่อไป

อ้างอิง

พิจิตรา ธงพานิช. วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 3 นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, 2560.

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ


กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

        การจัดการศึกษาที่ยึดหลักว่า ให้ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด โดยกระบวนการจัดการศึกษาจะต้องส่งเสริม ให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
หลักการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางส่งเสริมให้ผู้เรียน         
1. สร้างความรู้ด้วยตนเอง (construction) ด้วยการใช้กระบวนการเรียนรู้ (learning process)         
2. มีส่วนร่วม (participation) อย่างตื่นตัว (active)         
3. มีปฏิสัมพันธ์ (interaction) และร่วมมือ ร่วมใจ (co-operation) ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (share and learning)         
4. ทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาทั้งสมองซีกซ้ายและขวา หรือพัฒนาพหุปัญญา (multiple intelligences)       5. นำความรู้ไปใช้ และประยุกต์ใช้ (application)
แผนภาพปัญหาทั้ง 8 ด้าน ตามทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์ (Spencer,1998)

เทคนิคการสอนปริศนา ที่ใช้ในวันนี้?

  • เป็นกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในด้าน Active Learning
  • Construct ได้ค้นพบและสร้างความรู้ใหม่ด้วยตนเองจากการศึกษาเป็นกลุ่ม
  • ด้าน Thinking ส่งเสริมกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ และการสังเคราะห์ เป็นแผนผังความคิดได้
  • ด้าน Happiness เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้เรียนอย่างมีความสุข มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
  • ด้าน Participation เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนวางแผนกำหนดงาน มีเป้าหมายร่วมกัน มีโอกาสเลือกทำงานตรงกับความสนใจของตนเอง
  • ด้าน Individualization เป็นกิจกรรมที่ผู้สอนและผู้เรียน ยอมรับในความคิดเห็น ความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคล
  • ด้าน Good Habit เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนฝึกความรับผิดชอบ ความมีระเบียบวินัย ความมีน้ำใจ


วิธีสอนในวันนี้
รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)
        การเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ให้นักศึกษาได้เรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบด้วยสมาชิกที่มีความรู้ความสามารถแตกต่างกัน แต่ละคนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการเรียนรู้ และในความสำเร็จของกลุ่ม
       โดยที่ในกลุ่มจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แบ่งปันทรัพยากร ให้กำลังใจแก่กันและกัน คนเก่งจะช่วยเหลือคนที่อ่อนกว่า สมาชิกในกลุ่มไม่เพียงแต่รับผิดชอบต่อผลการเรียนของตนเองเท่านั้น แต่จะต้องร่วมรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของเพื่อนสมาชิกทุกคนในกลุ่ม ความสำเร็จของบุคคล คือ ความสำเร็จของกลุ่ม
เทคนิคผึ้งแตกรัง
เทคนิคผึ้งแตกรังเป็นเทคนิคการสอนในรูปแบบการจัดกิจกรรมโดยยึดผู้เรียนเป็นสําคัญ ซึ่ง กอบวิทย์ พิริยาวัฒน์ (http://www slideshare.netteacherkobwit) ได้กําหนดขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ไว้ ดังนี้
1) ครูเลือกเนื้อหา หน่วยการเรียนรู้และจัดแบ่งเนื้อหาเป็นหน่วยย่อยๆ
2) ครูจัดศูนย์การเรียนรู้ เอาไว้ที่ต่างๆ
3) แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม โดยให้คละเด็กเก่ง ปานกลาง อ่อน
4) แต่ละกลุ่มวางแผน มอบหมายงานให้เพื่อสมาชิกรับผิดชอบในการศึกษาความรู้จากศูนย์การเรียนต่างๆ
5) ตัวแทนกลุ่มไป ศึกษาความรู้จากฐานการเรียนรู้ที่ได้รับมอบหมาย
6) ตัวแทนกลุ่มที่ไปศึกษาความรู้จากฐานการเรียนรู้ ต่างๆ ร่วมกันจัดทําแผนผังความคิดเพื่อสรุปสาระสําคัญ
7) ตัวแทนกลุ่มกลับไปสู่กลุ่มเดิม และนําเอา แผนผังความคิด สรุปสาระสําคัญมาอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟัง
8) ให้แต่ละกลุ่มตั้งคําถามเกี่ยวกับ สาระสําคัญความรู้จากฐานต่างๆ
9) กลุ่มนําคําถามเหล่านี้ซักถามเพื่อสมาชิกในกลุ่มเพื่อทบทวน ความรู้ความเข้าใจ
10) กลุ่มนําคําถามเหล่านี้ไปให้กลุ่มอื่นหาคําตอบและเฉลย




กิจกรรมการเรียนการสอนในวันนี้ : กิจกรรมในชั้นเรียน
        1. อาจารย์เลือกเนื้อหาในบทที่ 2 วิธีการสอนและเทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และจัดแบ่งเนื้อหาเป็นหน่วยย่อย ๆ จำนวน 7 หน่วย ประกอบด้วย
                1.1 หน่วยที่ 1 วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (หน้า 31-35)
                1.2 หน่วยที่ 2 รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (หน้า 36-39)
                1.3 หน่วยที่ 3 เทคนิควิธีสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนการสอน (หน้า 40-49)
                1.4 หน่วยที่ 4 เทคนิคการใช้ผังกราฟิก (หน้า 50-58)
                1.5 หน่วยที่ 5 การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (หน้า 58-66)
                1.6 หน่วยที่ 6 เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (หน้า 66-74)
                1.7 หน่วยที่ 7 การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (หน้า 74-85)
        2. อาจารย์จัดศูนย์การเรียนรู้เอาไว้ที่ต่าง ๆ 
        3. แบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 7-9 คน 
        4. แต่ละกลุ่มวางแผนมอบหมายให้เพื่อนสมาชิกรับผิดชอบในการศึกษาความรู้จากศูนย์การเรียนต่าง ๆ 
        5. ตัวแทนกลุ่มไปศึกษาความรู้จากฐานการเรียนรู้ที่ได้รับมอบหมาย 
        6. ตัวแทนกลุ่มที่ไปศึกษาความรู้จากศูนย์การเรียนต่าง ๆ ร่วมกันจัดทำแผนผังความคิดเพื่อสรุปสาระสำคัญ (Concept Mapping) 
                สมาชิกในศูนย์ กำหนดเวลาในการอ่านและทำความเข้าใจ คนละ 30 นาที
                จากนั้น สมาชิกแต่ละคนร่วมอภิปราย และร่วมจัดทำแผนผัง (Concept Mapping) 30 นาที
        7. ตัวแทนกลุ่มกลับไปสู่กลุ่มเดิม และนำเอาแผนผังความคิดสรุปสาระสำคัญมาอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟัง และสมาชิกแต่ละคนจดบันทึก ในบันทึกการเรียนรู้ (กิจกรรมนอกชั้นเรียน : กำหนดเวลา 1.30- 2 ชั่วโมง) 
        8. ให้แต่ละกลุ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับสาระสำคัญความรู้จากฐานต่าง ๆ กลุ่มละ 20 คำถาม (กิจกรรมนอกชั้นเรียน : กำหนดเวลา 40 นาที) 
        9. กลุ่มนำคำถามเหล่านี้ซักถามเพื่อนสมาชิกในกลุ่มเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจ และให้เก็บความลับไว้เป็นอย่างดี (กิจกรรมนอกชั้นเรียน : กำหนดเวลา 20 นาที) 
        10. กลุ่มนำคำถามเหล่านี้ไปให้กลุ่มอื่นหาคำตอบและเฉลย (คาบหน้า) 

กลุ่มใดได้คะแนนสูงสุด เป็นผู้ชนะ (กิจกรรมในชั้นเรียน : 30 นาที)

เทคนิคผึ้งแตกรัง



เทคนิคผึ้งแตกรัง






 เทคนิคผึ้งแตกรัง   

เทคนิคผึ้งแตกรังเป็นเทคนิคการสอนในรูปแบบการจัดกิจกรรมโดยยึดผู้เรียนเป็นสําคัญ ซึ่ง
กอบวิทย์ พิริยาวัฒน์ (http://www slideshare.netteacherkobwit) ได้กําหนดขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ไว้ ดังนี้

1) ครูเลือกเนื้อหา หน่วยการเรียนรู้และจัดแบ่งเนื้อหาเป็นหน่วยย่อยๆ
2) ครูจัดศูนย์การเรียนรู้ เอาไว้ที่ต่างๆ
3) แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม โดยให้คละเด็กเก่ง ปานกลาง อ่อน 4) แต่ละกลุ่มวางแผน มอบหมายงานให้เพื่อสมาชิกรับผิดชอบในการศึกษาความรู้จากศูนย์การเรียนต่างๆ
5) ตัวแทนกลุ่มไป ศึกษาความรู้จากฐานการเรียนรู้ที่ได้รับมอบหมาย 6) ตัวแทนกลุ่มที่ไปศึกษาความรู้จากฐานการเรียนรู้ ต่างๆ ร่วมกันจัดทําแผนผังความคิดเพื่อสรุปสาระสําคัญ ร่วมกันจัดทําแผนผังความคิดเพื่อสรุปสาระสําคัญ 7) ตัวแทนกลุ่มกลับไปสู่กลุ่มเดิม และนําเอา แผนผังความคิด สรุปสาระสําคัญมาอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟัง สรุปสาระสําคัญมาอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟัง 8) ให้แต่ละกลุ่มตั้งคําถามเกี่ยวกับ สาระสําคัญความรู้จากฐานต่างๆ 9) กลุ่มนําคําถามเหล่านี้ซักถามเพื่อสมาชิกในกลุ่มเพื่อทบทวน ความรู้ความเข้าใจ ความรู้ความเข้าใจ 10) กลุ่มนําคําถามเหล่านี้ไปให้กลุ่มอื่นหาคําตอบและเฉลย




สรุปความรู้ความเข้าใจจากการศึกษาจากชิ้นงานทั้ง 7 กลุ่ม


สรุปความรู้ความเข้าใจ

      จากการศึกษาจากชิ้นงานของแต่ละกลุ่ม ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 หน่วย 7 กลุ่ม ได้ดังนี้

หน่วยที่ 1 วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 



วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นวิธีการดำเนินการที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ วิธีการเรียนการสอนจะเน้นให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาในหลายๆด้านแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน เช่น วิธีการสอนแบบแสดงบทบาท เป็นวิธีการที่ผู้เรียนต้องสวมบทบาทของผู้อื่นตามที่ผู้สอนกำหนดให้ จากวิธีการสอนนี้ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ทางความคิด อารมณ์ ความกล้า ความอดทนและอื่นๆ เพราะต้องเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของตนให้กลายเป็นผู้อื่น




หน่วยที่ 2 รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 




   รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือเทคนิกหรือวิธีการที่มุ่งพัฒนาทักษะหรือพฤติกรรมของผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ เช่น เทคนิคการตั้งคำถามจะเน้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิด การตีความ การไตร่ตรอง บทบาทของผู้เรียนจะเรียนรู้จากการคิดเพื่อสร้างข้อคำถามและคำตอบด้วยตนเอง


หน่วยที่ 3 เทคนิควิธีสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนการสอน



เทคนิควิธีสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนการสอน คือกลวิธีต่างๆที่ช่วยให้การสอนนั้นมีคุณภาพมากขึ้น เป็นวิธการสอนที่เกิดการเร็นเรียนที่รวดเร็ว รู้ลึก และทำให้เกิดความทรงจำระยะยาว เช่น วิธีสอนโดยใช้เกม จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง เมื่อสอนโดยใช้เกมก็จะเกิดความสนุก ผู้เรียนชอบ ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความคงทนของความรู้ที่ได้


หน่วยที่ 4 เทคนิคการใช้ผังกราฟิก



เทคนิคการใช้ผังกราฟิก เป็นเทคนิคที่ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างเข้าใจ โดยผู้เรียนต้องทำความเข้าใจจากเรื่องที่ศึกษาแล้วสรุปออกมาเป็นความคิดของตน และใช้ทักษะคิดวิเคราห์แยกแยะเพื่อนนำมาสร้างเป็นผังกราฟฟิก เช่น ผังความคิดเรื่อง "คอมพิวเตอร์" ผู้เรียน อาจแยกหัวข้อย่อยเป็น ประวัติของคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ เป็นต้น


หน่วยที่ 5 การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ



 การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ป็นการจัดกระบวนการการเรียนรู้แบบใหม่ ที่มีลักษณะแตกต่างจากการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบเดิมทั่วไปคือ 
1.ผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตน 
2.เนื้อหาวิชามีความสำคัญและมีความหมายต่อการเรียนรู้ 
3.การเรียนรู้จะประสบผลสำเร็จหากผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม 
4.สัมพันธภาพระหว่างผู้เรียน 
5.ผู้สอนคือผู้อำนวยความสะดวกและเป็นแหล่งความรู้ 
6.ผู้เรียนมีโอกาสเห็นตนเองในแง่มุมที่แตกต่างไปจากเดิม 
7.การศึกษาคือการพัฒนาประสบการณ์ของผู้เรียนในด้านต่างๆ


หน่วยที่ 6 เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 


 เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้เรียนรู้ โดยพยายามจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคล สื่อ และสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยใช้กระบวนการต่างๆ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และผู้เรียนมีโอกาสนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อื่น



หน่วยที่ 7 การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 


        การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดความรู้เพื่อให้ผู้เรียนแต่ละคนพัฒนาตนเองสูงสุด ตามกำลังหรือศักยภาพของแต่ละคน แต่เนื่องจากผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันจึงควรมีการจัดการที่เหมาะสมในลักษณะที่ แตกต่างกัน ตามเหตุปัจจัยของผู้เรียนแต่ละคน และผู้ที่มีบทบาทสําคัญในกลไกของการจัดการนี้คือ ครู แต่จากข้อมูลอันเป็นปัญหาวิกฤตทางการศึกษา และวิกฤตของผู้เรียนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ครูยังแสดงบทบาทและทําหน้าที่ของตนเองไม่เหมาะสม จึงต้องทบทวนทําความเข้าใจ ซึ่งนําไปสู่ การปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการศึกษาและวิกฤตของผู้เรียนต่อไป




อ้างอิง
พิจิตรา ธงพานิช. วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 3 นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, 2560.